Page 13 - ฉบับที่ 1 (มีนาคม - เมษายน 2553)
P. 13

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า 13







           ได้ร่วมกับกระทรวงการคลัง ผ่านธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่ง
           ประเทศไทย (ธพว.) และ 12 สมาคมในกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความ
           ร่วมมือเพื่อสนับสนุนสินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจโลจิสติกส์ โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง
           การคลัง (นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์) ร่วมเป็นประธานในพิธีลงนาม MOU เมื่อวันที่ 29
           กรกฎาคม 2552 ซึ่งเป็นการให้สินเชื่อในโครงการปกติของ ธพว.

           ปล่อยสินเชื่อ 3,000 ล้านบาท

             ส�าหรับวงเงินสินเชื่อรวม 3,000 ล้านบาท ที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม
           2552 ตามที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเสนอขออนุมัติโครงการช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประ
           กอบธุรกิจโลจิสติกส์ไทย เป็นความร่วมมือของกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลังโดย
           กระทรวงพาณิชย์ได้แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประ
           กอบธุรกิจโลจิสติกส์ไทย และกระทรวงการคลังมอบหมายให้ ธพว. เป็นผู้ปล่อยสินเชื่อแก่
           ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ ในอัตราดอกเบี้ย
           MLR -3% ต่อปี เป็นเวลา 2 ปี วงเงินกู้เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน รายละไม่เกิน 5 ล้านบาท
           และให้เป็นอ�านาจหน้าที่ของ ธพว.ในการอนุมัติวงเงินสินเชื่อต่อราย โดยรัฐบาลให้เงิน
           ชดเชยเป็นค่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยให้กับ ธพว. ในอัตราร้อยละ 2 ต่อปี เป็นเวลา 2 ปี และ
           ตั้งแต่ปีที่ 3 เป็นต้นไปคิดอัตราดอกเบี้ย MLR ระยะเวลาการปล่อยสินเชื่อ รวม 5 ปี รวมทั้ง
           ให้ ธพว. ผ่อนปรนการค�้าประกันในการปล่อยสินเชื่อโดยสามารถใช้การค�้าประกันไขว้
           ระหว่างผู้ประกอบการด้วยกันเองได้

           รองรับการเปิดเสรี

             การสนับสนุนสินเชื่อ MLR-3% เพื่อธุรกิจโลจิสติกส์ จะสามารถช่วยบรรเทาปัญหา และ
           ลดต้นทุนการด�าเนินธุรกิจอันจะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจโลจิสติกส์
           ไทย รวมทั้งผู้ประกอบการในธุรกิจโลจิสติกส์ จ�าเป็นต้องมีการเตรียมความพร้อมรองรับ
           การเปิดเสรีสาขาบริการโลจิสติกส์ ในปี 2556 ภายใต้กรอบการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจ
           อาเซียน (AEC) เพื่อให้ธุรกิจโลจิสติกส์ของไทยสามารถอยู่รอด และแข่งขันกับธุรกิจต่าง
           ชาติได้
             ธุรกิจโลจิสติกส์เป็นบริการสนับสนุนภาคการผลิตและการค้า ที่ส�าคัญในการเพิ่ม
           ศักยภาพการแข่งขันของประเทศไทย อันจะก่อให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจและเพิ่ม
           รายได้ให้กับประเทศ ทั้งนี้ ประเทศไทยถือว่ามีความได้เปรียบทางด้านภูมิศาสตร์ เนื่องจาก
           เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาคทั้ง ASEAN, ASEAN + 3 (จีน เกาหลี ญี่ปุ่น)
           และ AEAN + 6 (จีน เกาหลี ญี่ปุ่น อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์) อีกทั้งไทยยังร่วมเป็น
           สมาชิกอยู่ภายใต้กรอบความร่วมมือที่ส�าคัญต่างๆ เช่น GMS (Greater Mekong Subre-
           gion) IMT-GT (Indonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle) และ BIMSTEC (Bay
           of Bengal Initiative for MultiSectoral Technical and Economic Cooperation) ซึ่งจะ
           เป็นโอกาสให้ไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางทางการค้าและโลจิสติกส์ที่ส�าคัญของภูมิภาค
           ซึ่งจะต้องยกระดับศักยภาพธุรกิจโลจิสติกส์ไทยให้ได้มาตรฐานและเป็นที่ยอมรับในระดับ
           สากล
           เตรียมพร้อมสู่ตลาด AEC

             ประเทศไทยได้เข้าร่วมการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) เมื่อวันที่ 1
           มกราคม 2553 และจะมีการเปิดเสรีภาคบริการโลจิสติกส์ให้ประเทศสมาชิกถือหุ้นได้ร้อย
           ละ 70 ในปี 2556 ดังนั้น กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเล็งเห็นถึงความจ�าเป็นในการพัฒนาเตรียม
   8   9   10   11   12   13   14   15   16   17   18